เกษตรกรอ่วมน้ำมันแพง-น้ำท่วม ธ.ก.ส.ยุคโควิดหนี้เสียพุ่ง 12.5%

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยในงานแถลงข่าวก้าวสู่ปีที่ 57 ว่าจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ความเคร่งเครียดการศึกรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อเงินลงทุนด้านการผลิต นำมาซึ่งการทำให้ราคาพลังงานและเงินเฟ้อสูงขึ้น และก็ยังมีเหตุการณ์อุทกภัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมต่อผลิตภัณฑ์จากการเกษตรจนกระทั่งนำมาซึ่งการทำให้ราคาหนี้สินที่ไม่ทำให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ตอนครึ่งปีแรกของปีบัญชี 2565 (เม.ย.-30 ก.ย.65) มากขึ้นมาอยู่ที่ 12.5% จากเดิม 9-10% โดย ธ.ก.ส.จะให้ความสำคัญกับการเข้าไปดูแลด้วยการ

นายธนารัตน์งามวลัยรัตน์

ปรับโครงสร้างหนี้สินอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะก่อให้สิ้นปีบัญชี 2565 (31 มี.ค.66) สัดส่วนเอ็นพีแอลมาอยู่ที่ระดับ 7%

“ยอมรับว่าสัดส่วนหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรเผชิญภาวะปัญหาหลายประการ ถ้าจะให้ ธ.ก.ส.เข้าไปเร่งจัดเก็บหนี้ก็คงไม่ใช่ ดังนั้น จึงจะเข้าไปช่วยดูแลด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ โดยช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.65 เกษตรกรจะมีรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรกลับมามีความสามารถชำระหนี้ได้ ส่วนกรณีที่ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้นนั้น ธ.ก.ส.จะพยายามตรึงดอกเบี้ยให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เอ็นพีแอล

นายธนารัตน์กล่าวว่ากล่าว สำหรับผลจากการดำเนินงาน ธ.ก.ส.ครึ่งแรกของปีบัญชี 2565

สามารถปล่อยสินเชื่อ 368,745 ล้านบาท และคาดว่าตลอดปีจะปล่อยสินเชื่อได้กว่า 700,000 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อสะสม ณ วันที่ 30 ก.ย.65 กว่า 1.6 ล้านล้านบาท และเงินออมอยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,388 ล้านบาท ต่ำกว่าตอนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 50 ล้านบาท.