นักข่าวแถลงการณ์ว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการบริหารหลักการพลังงาน (กบง.) วันที่ 20 ต.ค.นี้ ที่ประชุมจะมีการทวนกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี ) ภาคครัวเรือน ที่เดิม กบง.ได้กำหนดกระบวนการตรึงราคาไว้ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ส่งผลในวันที่ 1-31 ต.ค.นี้ เพื่อบรรเทาผลพวงต่อค่าครองชีพประชากร โดยกระทรวงพลังงาน จะมีการเสนอ 2 ทางเลือก คือการคงราคาเดิมต่อไปอีกในเดือน พฤศจิกายนนี้ เพื่อดูทิศทางราคาตลาดโลกหรือปรับขึ้น 1 บาทต่อ กิโลกรัมเป็นเวลา 3 เดือน (1 พฤศจิกายน65-31 มกราคม66) ตามแนวทางเดิม เพื่อลดภาระหน้าที่การอุดหนุนจากกองทุนน้ำมัน
ล่าสุดกองทุนน้ำมันได้ใช้เงินอุดหนุนราคาแอลพีจีอยู่ที่ 6.96 บาทต่อ กิโลกรัม
ส่งผลให้กองทุนน้ำมันในส่วนของบัญชีแอลพีจีติดลบ 42,564 ล้านบาท และที่ผ่านมา กบง.ได้พิจารณากระบวนการปรับขึ้นราคา เพื่อลดภาระหน้าที่การอุดหนุน โดยการปรับขึ้น 1 บาทต่อ กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้ และถัดมาขยายมาตรการต่ออีก 3 เดือน ส่งผลระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. รวม 6 บาทต่อ กิโลกรัม และเดิมจะขยับต่ออีก 3 เดือนคือ เดือน ต.ค.-ธ.ค. แต่ด้วยค่าครองชีพประชากรสูงมากขึ้น กบง.จึงตรึงราคาในเดือน ต.ค.ไว้ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักหลักการและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)
พูดว่า การปรับขึ้นราคาแอลพีจีหรือเปล่าคงเป็นเรื่องที่ กบง.จะตัดสินใจ แต่หากปรับขึ้นจะช่วยลดภาระหน้าที่กองทุนน้ำมัน แต่ กบง.ยังต้องคิดถึงมิติอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง โดยตอนนี้ ณ วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันยังคงติดลบ 125,690 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 84,126 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 42,564 ล้านบาท.